5 ปัญหาผิวหน้าฝน (rainy) รับมือยังไงให้อยู่หมัด

ปัญหาผิว หน้าฝน

ความชื้นที่มาพร้อมกับอากาศรวนเร ทั้งเปียกชื้นจากฝนและความแห้งของอากาศและสลับกับความร้อน หนาว ที่สลับกันไป สภาพอากาศในประเทศไทยมีความร้อนชื้น ทำให้อบอ้าวเนื้อตัวเหนียว ซึ่งนั่นนับเป็นอากาศที่แบคทีเรียและเชื้อโรคต่างๆ เกิดขึ้นได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเกิดการหมักหมมจากคราบเหงื่อไคล มลภาวะในอากาศจนทำให้หากทำความสะอาดไม่เพียงพอ ก็เป็นสาเหตุการเกิดโรคผิวหนังต่างๆ ได้เช่นกัน

น้ำฝนแม้จะเป็นน้ำที่ไหลจากธรรมชาติ ผ่านชั้นบรรยากาศและดูเหมือนว่าจะไม่มีพิษภัยอันตรายต่อร่างกาย แต่รู้ไหมว่า ในน้ำฝนมีเชื้อโรค แบคทีเรียมากมายที่แฝงตัวอยู่ในน้ำฝน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้ เช่น เชื้ออีโคไล เชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เชื้อราสนิม และคริปโตสปอริเดียม เชื้อโรคต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เช่น

ปัญหาที่มากับหน้าฝน
  • ไข้หวัดใหญ่
  • ปอดอักเสบ
  • โรคเท้ามือปาก โรคฉี่หนู 
  • ไข้เลือดออก ปวดข้อยุงลาย
  • โรคผิวหนัง
  • ฯลฯ

ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่มีความชื้นในอากาศสูง ทำให้เชื้อรา แบคทีเรียเติบโตได้ โดยเฉพาะช่วงวันที่ฝนตกบ่อยครั้ง ยิ่งทำให้เกิดความชื้นจนนำไปสู่การเพาะเชื้อบริเวณรอบบ้าน ที่พักอาศัย ทำให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อราได้เป็นอย่างดี และนั่นจึงนำไปสู่โรคผิวหนังที่มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน

โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าฝน

โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าฝน
  1. กลิ่นเท้า กลิ่นตัว
  2. ผื่นผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา แบคทีเรีย
  3. ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ทั้งผิวแห้ง คัน ลอก เนื่องจากอุณหภูมิความชื้นที่เปลี่ยนไป ผื่นแพ้อากาศ เป็นปื้นแดงหรืออาจมีตุ่มนูน ทำให้เกิดการคันในบริเวณ ร่วมกับบางรายมีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล คันตา จมูก ลำคอ
  4. โรคกลาก (dermatophytosis) เกลื้อน (tinea versicolor
  5. สิวผด สิวอักเสบจากการหมักหมมแบคทีเรียผสมกับเหงื่อไคลที่ไหลออกจากร่างกาย

การดูแลป้องกันผิวในช่วงหน้าฝน

  1. ทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำฝน ตากฝน แม้แค่ละอองฝน ควรอาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกายเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคผิวหนังที่เกิดขึ้น และการทำความสะอาดร่างกายยังช่วยชะล้างเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยอย่างเช่น ไข้หวัด ได้ด้วย
  2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่คงความชุ่มชื่นในชั้นผิว อย่างมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นแต่เนื้อสัมผัสเบาบาง ซึ่มลงสู่ผิวไม่เพียงแค่ฉาบผิวให้เหนียวเหนอะหนะ
  3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวและหลีกเลี่ยงการขัดผิว โดยเฉพาะผู้มีผิวบอบบาง
    • ครีมทาหน้า มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น ปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสพร้อมบำรุงอย่างอ่อนโยน ซึมลงชั้นผิวได้ง่ายไม่ถึงคราบเหนอะและไม่เหนอะระหว่างวัน หลังทาผิวจะอิ่มฟู ฉ่ำน้ำและสุขภาพผิวจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
    • ครีมอาบน้ำ pH 4.5 – 5.5 เหมาะกับผิวกาย ไม่ทำร้ายผิวให้แห้งกรัง ลดการระคายเคือง และยังฟื้นฟูผิวจากความอ่อนล้าระหว่างวันด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ผิวสดชื่น ลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับได้อย่างหมดจด
  4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ร่างกายแข็งแรง
  5. ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายเปียกชื้นเป็นเวลานาน หากเปียกฝนควรซับตัวทันที และอาบน้ำทันทีหลังกลับถึงที่พัก
  6. ซักผ้าทำความสะอาดให้บ่อย ไม่ปล่อยให้ผ้าที่มีความเปียกชื้นหมักหมมและปล่อยให้แห้งในตะกร้าผ้า ลดความเสี่ยงเชื้อราจับเกาะและสะสมในเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว
ครีมบำรุงผิวกายอุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ
ช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวจากมลภาวะ
แสงยูวี ไม่เหนียวเหนอะระหว่างวัน

เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณลดความเสี่ยงต่อปัญหาผิวในช่วงฤดูฝนได้แล้ว สำหรับใครที่มีปัญหาผิวอยู่แล้ว เช่น ผิวสิว เซ็บเดิร์ม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม ช่วยลดการระคายเคืองและป้องกันการรุกรามของเชื้อในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วย